พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกันผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองและกองทัพไทย และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยนเรศวร ถูกตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112) และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยข้อกล่าวหาเหล่านี้มาจากคำร้องของกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งอ้างว่าแชมเบอร์สได้ “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท” รวมถึงการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพิษณุโลกได้ออกหมายจับแชมเบอร์สโดยไม่ได้มีการออกหมายเรียกก่อนหน้า ซึ่งทำให้เกิดคำถามถึงความเหมาะสมของกระบวนการทางกฎหมาย เขาได้เข้าพบตำรวจในวันอังคารที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวและถูกส่งตัวไปยังศาลทันที ขณะนี้ ทีมกฎหมายกำลังยื่นคำร้องขอประกันตัวอีกครั้ง
เสียงสะท้อนจากวงการวิชาการ
ดร.นภิษา ไวฑูรเกียรติ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และเพื่อนร่วมงานของแชมเบอร์ส แสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อกล่าวหานี้ โดยระบุว่า “ข้อกล่าวหานี้ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน สร้างความเสียหาย เสียเวลา และเป็นการข่มขู่ที่ทำให้เสรีภาพทางวิชาการถูกจำกัด” เธอยังตั้งข้อสังเกตว่าผลงานวิจัยของแชมเบอร์สในเรื่องบทบาทของกองทัพในประเทศไทยอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดปัญหานี้
บทบาทและผลงานของพอล แชมเบอร์ส
พอล แชมเบอร์ส เป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงในด้านความสัมพันธ์ระหว่างพลเรือนและทหาร รวมถึงประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาเป็นผู้เขียนหนังสือสำคัญ เช่น Democratisation Interrupted: The Parallel State and the Demise of Democracy in Thailand และ Khaki Capital: The Political Economy of the Military in Southeast Asia นอกจากนี้ เขายังเคยดำรงตำแหน่งนักวิจัยรับเชิญที่มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์กและสถาบันเยอรมันเพื่อการศึกษาโลกและภูมิภาค
ผลกระทบต่อเสรีภาพทางวิชาการ
กรณีนี้ได้รับความสนใจจากนักวิชาการและนักสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยมีเสียงวิจารณ์ว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการโจมตีเสรีภาพทางวิชาการอย่างร้ายแรง ฟิล โรเบิร์ตสัน นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ระบุว่าการดำเนินคดีนี้จะส่งผลกระทบต่อการศึกษานานาชาติในประเทศไทย และอาจทำให้นักวิจัยต่างชาติหลีกเลี่ยงที่จะทำงานในประเทศนี้
ทั้งนี้ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทยได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติว่าเป็นเครื่องมือในการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อปี 2020 ที่นำไปสู่การตั้งข้อหาแก่บุคคลกว่า 270 ราย