
จีนประกาศเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่มภาษีสินค้าจีนเป็น 145% พร้อมทั้งหยุดเก็บภาษีชั่วคราวกับสินค้าจากประเทศอื่นๆ เป็นเวลา 90 วัน โดยจีนวิจารณ์กลยุทธ์ภาษีของทรัมป์ว่าเป็น “เรื่องตลก”
ค่าเงินหยวนลดลงไปอยู่ในระดับที่เคยเห็นในช่วงวิกฤตการเงินโลกเมื่อวันพฤหัสบดี แต่ฟื้นตัวเล็กน้อยในวันศุกร์ จีนระบุว่าการเพิ่มภาษีของสหรัฐฯ เป็นการละเมิดกฎเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเป็นการกระทำที่ฝ่ายเดียวซึ่งไม่ยุติธรรม
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการเพิ่มภาษีแบบตอบโต้กันนี้อาจทำให้การค้าระหว่างสองประเทศใหญ่ที่สุดในโลกแทบจะเป็นไปไม่ได้ โดยภาษีที่สูงเกินกว่า 35% จะทำให้กำไรของผู้ส่งออกจีนลดลงจนแทบไม่มี และสินค้าสหรัฐฯ ในจีนมีราคาสูงเกินไป
กระทรวงการคลังจีนระบุว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จีนตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษี หากทรัมป์ยังคงเพิ่มอัตราภาษีต่อไป โดยจีนจะไม่ตอบโต้ในลักษณะเดียวกันอีก แต่เปิดโอกาสสำหรับมาตรการตอบโต้ประเภทอื่นๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
นอกจากนี้ จีนยังประกาศจำกัดการนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูด และออกคำแนะนำสำหรับพลเมืองจีนที่เดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงนักศึกษาที่พิจารณาเรียนต่อในรัฐโอไฮโอ
นักวิเคราะห์จาก UBS ระบุว่าการประกาศของจีนที่ไม่ตอบโต้ในลักษณะเดียวกันอีก ถือเป็นการยอมรับว่าการค้าระหว่างสองประเทศถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง โดยทั้งสองฝ่ายได้เก็บภาษีสินค้าของกันและกันในอัตรา 100% ซึ่งสูงกว่าก่อนสงครามการค้าเริ่มต้นถึง 40 เท่า
การสร้างพันธมิตรใหม่
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เรียกร้องให้สหภาพยุโรปร่วมมือกันต่อต้าน “การกระทำฝ่ายเดียวที่ไม่ยุติธรรม” ระหว่างพบปะกับนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปน นอกจากนี้ สีเตรียมเดินทางเยือนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านใกล้เคียง ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน วัง เหวินเทา ได้จัดประชุมออนไลน์กับคู่เจรจาจากสหภาพยุโรป มาเลเซีย ซาอุดีอาระเบีย และแอฟริกาใต้ เพื่อสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศ G20 และ BRICS ขณะที่จีนและยุโรปตกลงที่จะเริ่มเจรจาเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านราคายานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อตกลงเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสองฝ่าย